“นภินทร์” ขอสิงคโปร์เร่งขึ้นทะเบียนฟาร์มไข่ไก่ออร์แกนิก เปิดตลาดสุกรให้ไทย
เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
“นภินทร” ถกรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรม สิงคโปร์ ผลักดันให้เร่งขึ้นทะเบียนฟาร์มไข่ไก่ออร์แกนิก และเปิดตลาดเนื้อสุกรให้ไทย พร้อมหาทางร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัล เชื่อมระบบการชำระเงิน PromptPay กับ PayNow ร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเรือสำราญและเรือยอร์ช และร่วมส่งเสริม SMEs
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในระหว่างการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปก ครั้งที่ 34 เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2566 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ได้พบหารือทวิภาคีกับนายกาน คิม ยอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ โดยทั้งสองฝ่าย ได้หารือแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์การค้าการลงทุนระหว่างกันในทุกมิติ ครอบคลุมถึงการท่องเที่ยว และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์ (Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship : STEER)
ทั้งนี้ ไทยได้แสดงความพร้อมในการเป็นแหล่งวัตถุดิบด้านเกษตรและอาหารที่มีคุณภาพ ทั้งผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารให้กับสิงคโปร์ และได้ผลักดันให้สิงคโปร์เร่งขึ้นทะเบียนฟาร์มไข่ไก่ออร์แกนิก และเร่งเปิดตลาดให้กับเนื้อสุกรของไทย เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังสิงคโปร์ได้เพิ่มเติมจากที่ได้อนุมัติการขึ้นทะเบียนฟาร์มไข่นกกะทาของไทย และทำให้ไทยสามารถส่งออกไข่นกกะทาไปสิงคโปร์ได้แล้ว ตั้งแต่เดือน มี.ค.2566 ที่ผ่านมา โดยสิงคโปร์ยังได้แจ้งว่า ยินดีนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย โดยเฉพาะทุเรียนที่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคในสิงคโปร์เป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ได้หารือเรื่องความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งไทยและสิงคโปร์ต่างมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก เพื่อต่อยอดจากความสำเร็จของการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่าง PromptPay ของไทย และ PayNow ของสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของการค้าการลงทุน อีกทั้งสิงคโปร์ยังเชิญชวนให้ไทยเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ซึ่งสิงคโปร์เป็นผู้ริเริ่ม
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่เห็นพ้องจะร่วมกันผลักดันให้ทั้งสองประเทศเป็นจุดหมายปลายทางของเรือสำราญและเรือยอร์ช ที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ รวมถึงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวรายได้สูงเดินทางเข้ามาจำนวนมาก
“สิงคโปร์ถือเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด และเป็นผู้นำในการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและรายย่อย (SMEs) โดยระหว่างการหารือได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับ SMEs ซึ่งสิงคโปร์เห็นว่า การให้ SMEs สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและได้ใช้ประโยชน์จากการค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นสิ่งสำคัญมาก และยินดีร่วมมือกับไทยในการส่งเสริมให้ SMEs ของทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือในการต่อยอดธุรกิจให้สามารถส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกได้”นายนภินทรกล่าว
สิงคโปร์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทยในอาเซียน และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 8 ของไทยในโลก โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับสิงคโปร์ มีมูลค่า 18,477.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.67% โดยไทยส่งออกไปสิงค์โปร์ มูลค่า 10,279.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 13.48% และไทยนำเข้าจากสิงคโปร์ มูลค่า 8,197.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 11.68% สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องเพชรพลอย อัญมณี และเงินแท่งและทองคำ