มานิจฟาร์ม เปิดตัว “พ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่- ไก่เนื้อ” สายพันธุ์ไทยครั้งแรก
“มานิจฟาร์ม” พร้อมเปิดตัวและเปิดขาย พ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่- ไก่เนื้อรวม 7 สายพันธุ์ไทยครั้งแรก ในงาน VIV Asia 2023 เล็งกลุ่มเป้าหมายประเทศเพื่อนบ้านและทั่วโลก
ดร.มานิจ วิบูลย์พันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮอริเทจ บรีดดิ้ง จำกัด เจ้าของมานิจฟาร์ม เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า “มานิจฟาร์ม” จะไปออกบูธงาน VIV ASIA 2023 ระหว่างวันที่ 8-10 มีนาคมนี้ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ทั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อโชว์ศักยภาพ และความก้าวหน้าด้านการพัฒนาพันธุ์ไก่เนื้อและไก่ไข่ของบริษัทฯ ให้กับทั้งคนไทยและต่างชาติได้รับรู้ถึงศักยภาพของสายพันธุ์ไก่เนื้อและไก่ไข่ ที่บริษัทได้พัฒนามาร่วม 20 ปี โดยเน้นนวัตกรรมการพัฒนาสายพันธุ์ที่สามารถปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมได้ดี มีความแข็งแรง สามารถทนต่อเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้โรค และการปรับใช้วัตถุดิบอาหารในท้องถิ่น
ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ “มานิจฟาร์ม” จะจำหน่ายพันธุ์ไก่ออกสู่ตลาด โดยมีไก่ไข่ 6 สายพันธุ์ และไก่เนื้อ 1 สายพันธุ์ โดยไก่ไข่ ประกอบด้วย 1.ซี-บราวน์ ทีเอสเอชอาร์ (Z-Brown TSHR) เป็นเวอร์ชั่น ที่ 3 ของไลน์ Z-Brown ผลสำเร็จของการพัฒนากลุ่มยีน TSHR ที่ส่งผลทั้งในเรื่องปริมาณและคุณภาพไข่ โดยให้ไข่มากกว่า 317 ฟองต่อตัวต่อปี Peak 97-98% ให้ไข่ฟองแรกตอนอายุ 15 สัปดาห์ เปลือกไข่สีน้ำตาลเข้ม ให้ไข่ฟองใหญ่ ขนภายนอกสีน้ำตาลเข้มปกคลุมขนสีขาวเด่นชัด ประสิทธิภาพการเปลี่ยนอาหารเป็นมวลไข่ดีมาก ปรับตัวเข้ากับภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมได้ดี ทนต่อเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินหายใจได้ดี
2.ซี-บราวน์ ออริจินอล (Z-Brown Original)เป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิม ของไลน์ Z-Brown ให้ไข่ประมาณ 310 ฟองต่อตัวต่อปี Peak 95-97% ให้ไข่นาน ฟองใหญ่ ให้ไข่ฟองแรกเมื่ออายุครบ 14 สัปดาห์ โครงสร้างแข็งแรง ขนสีน้ำตาลปกคลุมขนสีขาวทั้งตัว บางตัวมีขนดำแซม เปลือกไข่สีน้ำตาล ไข่รุ่น PS ใช้เวลาฟัก 18-19 วันใช้อาหาร 110 กรัมต่อตัวต่อวัน นิสัยเชื่อง อารมณ์ดี
3. ซี-บราวน์ซุปเปอร์ดาร์ค (Z-Brown Super Dark) เป็นเวอร์ชั่นพิเศษในไลน์ Z-Brown ที่ถูกพัฒนาให้เปลือกไข่สีน้ำตาลเข้มพิเศษใกล้เคียงสีเปลือกผลแอปเปิ้ลแดงเข้ม เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการยกระดับคุณภาพสินค้า ให้ไข่ประมาณ 314 ฟองต่อตัวต่อปี ไข่ฟองใหญ่ กินอาหาร 119 กรัมต่อตัวต่อวัน ทนอากาศร้อนได้ดี
4.แททช์ (Thatch) ถูกพัฒนาให้มีความอดทนสูง เหมาะสำหรับการเลี้ยงแบบปล่อยอิสระ (Free Range) หรือการเลี้ยงแบบย้อนยุคหากินเอง (Pasture Raise) เลี้ยงแบบหลังบ้าน (Back yard) หากินเก่ง ชอบนอนที่สูง ว่องไวเอาตัวรอดเก่ง เปลือกไข่สีครีม-ชมพู ขนสีครีมน้ำตาลปกคลุมขนสีขาว ให้ไข่ฟองแรกตอนอายุครบ 16 สัปดาห์ จำนวน 312 ฟองต่อตัวต่อปีในภาวะสมบูรณ์ ให้ไข่ยาวนานมากกว่า 2 ปี ไข่ฟองใหญ่
5.บางกอกไวท์ (Bangkok White) เป็นไก่เล็กฮอร์นขาว ที่ถูกพัฒนาให้มีสัดส่วนของสายเลือดไก่ชีท่าพระ และไก่สายอื่น ๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสม ทำให้รุ่น Commercial น้ำหนักตัวมากกว่าไก่ไข่เล็กฮอร์นสายอื่น กินอาหารได้หลากหลายเฉลี่ย 108 กรัมต่อตัวต่อวัน หงอนจักรค่อนข้างใหญ่ เชื่องสามารถปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของแต่พื้นที่ได้ดี ระหว่าง 8-38 องศาเซลเซียส ให้ไข่ฟองแรกตอนอายุ 16 สัปดาห์ ประมาณ 314 ฟองต่อตัวต่อปี เฉลี่ยไข่น้ำหนัก 62.38 กรัมต่อฟอง ขนและเปลือกไข่สีขาวสะอาด
6.อันดามันบลู (Andaman Blue) ถูกพัฒนาให้เปลือกไข่สีฟ้าเขียว ฟองไข่มีขนาดกลาง ประมาณ 60-63 กรัมต่อฟอง ลำตัวขนสีดำบริเวณหัวและคอน้ำตาลทอง(Copper Black) กินอาหาร 112 กรัมต่อตัวต่อวัน ให้ไข่ฟองแรกตอนอายุ 17 สัปดาห์ และให้ไข่ประมาณ 300 ฟองต่อตัวต่อปี ทนต่ออากาศร้อนได้ดี
ส่วน “ไก่เนื้อ” ได้แก่ 7.สยามบรอยเล่อร์ (Siam Broiler) เป็นพันธุ์ไก่เนื้อที่วางสมดุลระหว่าง 2 กลุ่มยีน คือ TSHR ที่ส่งผลเรื่องจำนวนไข่ต่อแม่ต่อปีที่มากขึ้น และ TBC1D1 ที่ส่งผลเรื่องการเจริญเติบโต กระบวนการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อรวดเร็ว ทำให้ Siam Broiler มีจำนวนลูกต่อแม่ มากกว่าไก่เนื้อสายอื่น คือมากกว่า 230 ตัวต่อแม่ รวมถึงการเจริญเติบเร็วมีกล้ามเนื้อเป็นสีขาวเป็นเส้นยาว การสะสมไขมันต่ำ ผิวหนังเหลืองและมีรสชาติที่โดดเด่น เนื้อแน่น หอม นุ่ม ไม่มีกลิ่นสาบ
ดร.มานิจ กล่าวว่า วันนี้ “มานิจฟาร์ม” มีความพร้อมแล้ว ที่จะขายพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ และไก่เนื้อ ให้กับผู้เลี้ยงทั้งในไทย ในประเทศเพื่อนบ้าน และทั่วโลก ซึ่งการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ต้องการให้ทั่วโลกทราบว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตสายพันธุ์ทั้งไก่ไข่และไก่เนื้อได้แล้ว ไม่แพ้ชาติใดในโลก
อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้มีหลักฐานจากนักโบราณคดี ได้ค้นพบต้นกำเนิดที่แท้จริงของไก่บ้านนั้น อยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเมื่อประมาณ 3,600 ปีมาแล้ว หลังจากนั้นสายพันธุ์ไก่บ้านเริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลกทำให้เกิดสายพันธุ์ไก่ต่าง ๆ ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้จะทำให้ “ประเทศไทย” มีเรื่องราวต่าง ๆ มีที่มาที่ไป คาดจะเป็นอีกบูธหนึ่งของงานที่จะมีคนเข้ามาชมงานอย่างคึกคัก