วิถีชีวิตเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง 1,000 ตัว สร้างรายได้หลักแสน
อยากกินไข่เป็ด ก็มาบุกถึงที่กันเลยยย!!!
วันนี้ ทีมข่าวจันลั่นทุ่ง ได้มีโอกาสมาที่จังหวัดอุทัยธานี บุกถึงที่ดูวิถีชีวิต เป็ดไล่ทุ่ง บอกก่อนเลยว่าแอดไม่เคยรู้จักมาก่อน มีโอกาสทั้งที วันนี้จะเอาความรู้มาฝากลูกเพจกันจ้า
พี่อาร์มเจ้าของเป็ดไล่ทุ่ง บอกว่า แต่ก่อนตนทำงาน และได้ไปเกณฑ์ทหาร วันหนึ่งคิดว่า ถ้าออกจากกรมมาจะทำอะไรดี ประกอบกับว่าครอบครัวแฟนทำเป็ดไล่ทุ่งอยู่แล้ว จึงตัดสินใจลองเลี้ยงดู เริ่มแรก เลี้ยงมาทุกหมด 10,000กว่าตัว จนตอนนี้ขายไป-ขายมาเหลือ 1,000 ตัว แต่ก็ยังขายได้อยู่
การเลี้ยงดูเป็ดไล่ทุ่ง ถ้าให้เปรียบเทียบกับการเลี้ยงแบบระบบฟาร์มแล้ว แบบไล่ทุ่งจะใช้ต้นทุนน้อยกว่า เพราะเรื่องอาหารของเป็ด เราจะให้มันลงกินข้าวเปลือก และหอยเชอรี่ในนา เพราะช่วงที่ดีที่สุดของการเลี้ยง คือช่วงที่ในนาปล่อยว่าง ซึ่งในแปลงนาที่มีการเกี่ยวข้าวไปแล้ว จะยังคงมีข้าวเปลือกตกหล่นอยู่ นั่นแหละคืออาหารชั้นดีของเป็ดไล่ทุ่ง
ซึ่งเป็ดจำนวน 1,000 ตัว จะไข่ไม่พร้อมกัน แล้วแต่ความสมบูรณ์และช่วงเวลาของแต่ละตัว แต่ระยะเวลาหนึ่งครั้ง จะได้ไข่ประมาณ 900 ฟอง และสีของไข่เป็ดไล่ทุ่ง ยังขึ้นอยู่กับอาหารที่กินเข้าไปด้วย ถ้าเป็ดกินหอยเยอะ ไข่จะมีสีส้มสด แต่ถ้าเป็ดกินข้าวเปลือกเยอะ ไข่จะมีสีเหลืองอ่อน แต่ทั้งนี้ สีไข่จะไม่มีผลต่อการขาย หรือการเอาไปรับประทานแน่นอน
ไข่ของเป็ดมักจะออกในช่วงหน้าหนาว มากกว่าชรวงหน้าฝน เพราะเมื่อเป็ดเจอฝนจะเกิดการกังวล จนไม่มีไข่ออกมา และศัตรูตัวฉกาจอีกอย่างของมัน ก็คือหมา เพราะหากมีหมามาตามไล่ หรือมาเห่าส่งเสียงดังในช่วงที่จะออกไข่ เป็ดพวกนั้นจะตกใจและไม่ไข่ออกมาเลย หรือจากที่ไข่ได้รอบละหลายพันฟอง จะเหลือแค่ 300 ฟองหรือน้อยกว่านั้น
การต้อนเป็ดขึ้นคอกรถกลับบ้าน พี่อาร์มบอกอีกว่า ในแต่ละครั้งจะต้องตามไล่ต้อนทุกตัวให้ขึ้นรถ โดยรถจะแบ่งเป็นชั้นๆ เพื่อที่จะได้กะจำนวนตัวในการขึ้นไป และในแต่ละครั้ง อาจจะมีบ้างที่ลืมเป็ดไว้ที่ทุ่ง เพราะเป็ดจะชอบแอบไปไกลในช่วงที่เจ้าของไม่เห็น แต่เจ้าของก็ตามกลับมาครบทุกครั้งอยู่ดี
อายุเป็ดที่เลี้ยง จะมีอายุมากสุด 1-2 ปี เรียกได้ว่า วงจรชีวิตของเป็ดไล่ทุ่ง สามารถขายได้ตั้งแต่ ไข่ของมัน ยันตัวเป็ดเลย ซึ่งไข่ที่ขายออกไปในแต่ละครั้ง สร้างรายได้ต่อเดือนหลักแสน!!!
นอกจากนี้ พี่อาร์มยังฝากบอกว่า การทำเกษตรไม่ใช่ได้มาง่ายๆ แต่ถ้าจะลงมือทำให้ทำเลยทันที เพราะกว่าจะสำเร็จ เราจะต้องล้มก่อนอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะมากหรือน้อย จึงขอบอกให้เกษตรกรยุคใหม่ทุกคนอดทน ความอดทนเท่านั้นที่จะพาความสำเร็จมาถึงเราได้