“ไข่ต้ม” นานเกินไปจนเป็นสีเขียว เสี่ยงมะเร็ง จริงหรือไม่ ?
ว่ากันว่าหากกิน “ไข่ต้ม” ที่ต้มนานๆ จนบริเวณไข่แดงเปลี่ยนเป็นสีเทาอมเขียว จะทำให้เป็นมะเร็งได้ เรื่องนี้จริงหรือไม่ ?
“ไข่” เป็นอาหารที่ทุกบ้านต้องมีติดไว้ เพราะเป็นอาหารที่ทำง่าย สามารถทำได้หลากหลายเมนูอาหาร ทั้งไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ดาว และเป็นที่ทราบกันดีว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี อย่างไรก็ตามในโลกออนไลน์ก็ยังชอบมีประเด็นกล่าวอ้างถึงโทษของการรับประทานไข่ไก่ อย่างกรณีนี้ที่มีการแชร์ข้อมูลว่าไข่ที่ต้มเป็นระยะเวลายาวนานเกินไป จะทำให้บริเวณที่เป็นไข่แดงเปลี่ยนเป็นสีเทาอมเขียว ซึ่งเป็นสารอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งได้
ล่าสุด สำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมาชี้แจงแล้วว่า จากประเด็นในโลกออนไลน์ว่าการรับประทานไข่ที่ต้มนาน ๆ จนเป็นสีเทาอมเขียว จะทำให้เป็นมะเร็งได้ สามารถสรุปประเด็นนี้ได้ว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากสีของไข่แดงที่เปลี่ยนไปเป็นเพียงกระบวนการทางเคมีตามธรรมชาติ โดยโปรตีนไข่ขาวที่มีธาตุซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ เปลี่ยนแปลงไปด้วยความร้อน จนเกิดสารที่ชื่อว่า ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen sulfide) ขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
และหากต้มเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ไฮโดรเจนซัลไฟด์นี้ไปทำปฏิกิริยากับธาตุเหล็กในไข่แดง เกิดเฟอรัสซัลไฟด์ (ferrous sulfide) ขึ้น ซึ่งเป็นสารสีเขียวที่ไม่ใช่สารอันตราย หรือสารก่อมะเร็ง วิธีการหลีกเลี่ยงการเกิดสารสีนี้ คือการต้มไข่ไม่ให้นานเกินไป และให้ไปแช่น้ำเย็นทันที จะหยุดการเกิดปฏิกิริยาได้
อย่างไรก็ตาม การรับประทานไข่อาจจะแฝงอันตรายได้หากรับประทานไข่ในรูปแบบสุก ๆ ดิบ ๆ เพราะนอกจากจะย่อยยาก แล้วอาจได้รับเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินอาหาร หรือเชื้อไข้หวัดนกได้อีกด้วย ดังนั้นทางที่ดีควรล้างทำความสะอาดก่อนนำไปปรุงอาหาร และปรุงไข่ให้สุกก่อนรับประทาน จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ที่มา : อย.