ผู้เลี้ยงกัดฟันตรึงราคาไข่ แม้ต้นทุนเลี้ยงพุ่ง หวังขายดีรับเปิดประเทศ
“โดยปกติวัฏจักรของราคาไข่ในช่วงเปิดเทอม จะเป็นช่วงเวลาที่ความต้องการบริโภคไข่ไก่สูงขึ้น ระดับราคาจะขยับขึ้นเล็กน้อยตามหลักซัพพลาย-ดีมานด์ แต่ทั้ง 4 องค์กรยังคงรักษาระดับราคาไข่คละหน้าฟาร์มเพื่อผู้บริโภค ด้วยเข้าใจในสภาวะเศรษฐกิจ แม้เกษตรกรยังเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จากราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ขยับขึ้นเรื่อยมา โดยไม่มีทีท่าจะหยุดหรือลดลง” นางพเยาว์ กล่าว
สำหรับข้อมูลต้นทุนการผลิตไข่ไก่ ล่าสุด ณ เดือน เม.ย. 2565 อยู่ที่ฟองละ 3.20 บาท ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อส่งผลให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ จากราคาเฉลี่ยปี 64 ที่ 10.05 บาท/กก. ขึ้นมาเป็น 13.05 บาท/กก. ในปัจจุบัน หรือสูงขึ้นอีกราว 30% ทำให้ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ขยับขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ยังคงอยู่ในภาวะยากลำบาก และมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนได้ตลอดเวลา เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่จบ และปัญหาเงินบาทอ่อนค่ามาแตะที่ 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่นำเข้าแพงขึ้นไปอีก
ขณะที่มาตรการภาครัฐต่อการแก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังไม่เอื้อมากนัก โดยเฉพาะประเด็นมาตรการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศ ที่ผ่อนปรนให้นำเข้าได้ 600,000 ตัน อัตราภาษี 0% นั้น ถูกจำกัดเฉพาะช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. 2565 รวม 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้อยเกินไป ไม่เกิดประโยชน์ ควรขยายเป็นมากกว่า 6 เดือน- 1 ปี เพื่อให้ผู้นำเข้าจัดซื้อและหาเรือขนส่งสินค้าได้ทัน
“ขอให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั่วประเทศ อดทนกับสถานการณ์ดังกล่าว และพยายามหาทางลดต้นทุนด้วยการดูแลเอาใจใส่การเลี้ยงไก่ไข่ในฟาร์มของตนอย่างใกล้ชิด ใช้อาหารทุกเม็ดอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าหลังเปิดเทอม และการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว จะมีแรงหนุนอัตราบริโภคให้มีทิศทางที่ดีขึ้น ก็จะลดความเสี่ยงด้านการขาดทุนของเกษตรกรลงได้ พร้อมทั้งขอให้ผู้บริโภคโปรดเข้าใจสถานการณ์ เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ทุกคนไม่อยากปรับราคาไข่ไก่หากไม่จำเป็น ขอเพียงให้เกษตรกรมีที่ยืน และสามารถประกอบอาชีพนี้เลี้ยงตัวต่อไปได้ก็พอ” นางพเยาว์ กล่าว